สิงคโปร์ ศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจชั้นนำในเอเชีย มีชื่อเสียงอีกครั้งจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานกิจกรรมระดับโลกอันทรงเกียรติ ซึ่งได้แก่การประชุมใหญ่ระดับสากล ไปจนถึงการประชุมสุดยอดผู้นำด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาค
ขีดความสามารถในด้านการจัดการประชุม โปรแกรมการท่องเที่ยวที่เป็นรางวัล การประชุมใหญ่ และงานนิทรรศการ (MICE) ทำให้สิงคโปร์ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำด้านธุรกิจและการจัดกิจกรรม MICE ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองชั้นนำแห่งการจัดการประชุมในเอเชียแปซิฟิก (ICCA Global Rankings, 2017) และได้รับการจัดอันดับถึง 11 ครั้งให้เป็นเมืองชั้นนำแห่งการจัดการประชุมในเอเชีย (Union of International Associations Global Rankings 2017)
นอกจากจะเป็นเมืองหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูงสุดในโลกแล้ว สิงคโปร์ยังขึ้นชื่อเรื่องความมีประสิทธิภาพทางธุรกิจ ความสะอาด และการเดินทางสะดวกอีกด้วย ที่นี่มีทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเยี่ยม ซึ่งรวมถึงสถานที่จัดงานที่มีความหลากหลายและครอบคลุม โรงแรมที่พักแบบต่างๆ และยังมีซอฟต์แวร์ประสิทธิภาพสูง พร้อมด้วยบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่มีทักษะและความสามารถในการจัดการประชุมและงานกิจกรรมให้ประสบความสำเร็จและน่าสนใจ
สิงคโปร์ครองอันดับสองของดัชนีเมืองที่ปลอดภัยที่สุด (The Economist Safe Cities Index) ในปี 2017 จากผลสำรวจที่เผยแพร่ในช่วงต้นปี 2016 โดย Mercer บริษัทด้านทรัพยากรบุคคลระดับโลก ระบุว่า สิงคโปร์เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย และครองอันดับ 8 ของเมืองที่ปลอดภัยสูงสุดในโลก
การรักษาความปลอดภัยให้ทุกฝ่ายที่เข้าร่วมการประชุมคืออีกหนึ่งเรื่องที่เราให้ความสำคัญมาก สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งของโลกด้านระเบียบและการรักษาความปลอดภัย (Order and Security) (World Justice Project (WJP) Rule of Law Index) ปี 2017-2018 และเรามีผลงานในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำด้านความมั่นคงระดับภูมิภาคและการประชุมทวิภาคีที่ได้รับความสนใจทั่วโลก
อีกหนึ่งแง่มุมที่เป็นประวัติศาสตร์ของการประชุมสุดยอดผู้นำนี้ก็คือ การได้ต้อนรับสื่อมวลชนมากกว่า 2,500 ราย ซึ่งถือเป็นกองทัพสื่อขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่สิงคโปร์เคยต้อนรับมา และเพื่อการรับรองกองทัพสื่อจำนวนมากและมีความหลากหลายเช่นนี้ จึงได้มีการปรับเปลี่ยนอาคาร F1 Pit Building ที่เคยใช้สำหรับการแข่งรถฟอร์มูล่า วัน สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ มาใช้เป็น International Media Centre (ศูนย์สื่อมวลชนนานาชาติ) ขนาด 3 ชั้น พื้นที่ 23,000 ตารางฟุต
มีการจำกัดจำนวนผู้สื่อข่าวที่สามารถเข้าไปในงานประชุมได้ นักข่าวบางคนจึงดูการถ่ายทอดสดงานพิธีการเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับรายงานข่าว International Media Centre ซึ่งเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง พรั่งพร้อมด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมีศูนย์แพร่ภาพและเสียงเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลแบบเรียลไทม์โดยตรงจากการประชุมสุดยอดผู้นำ ซึ่งพวกเขาก็สามารถนำไปปรับใช้ในการรายงานข่าวไปทั่วโลกได้
สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันสถานะของสิงคโปร์ในการเป็นประเทศอันดับหนึ่งด้าน “ความพร้อมทางเทคโนโลยี” ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากการจัดอันดับของ World Economic Forum ในรายงาน Global Information Technology Report ปี 2016
นอกจากนี้ การต้อนรับอย่างอบอุ่นก็เป็นเรื่องสำคัญของการให้การต้อนรับกองทัพสื่อขนาดมหึมานี้ เราได้จัดเตรียมเมนูอาหารที่หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วยอาหาร 45 เมนูจาก 15 ประเทศไว้สำหรับผู้สื่อข่าวที่มาปฏิบัติหน้าที่ โดยมีผู้จัดการฝ่ายภาคพื้นของสนามบินและบริษัทรับจัดเลี้ยงอย่าง Singapore Airport Terminal Services Limited (SATS) เป็นผู้รับผิดชอบดูแล เมนูอาหารประกอบไปด้วยอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของสิงคโปร์ เช่น ลักซา (ก๋วยเตี๋ยวในน้ำซุปกะทิรสเผ็ด) และข้าวมันไก่ โดยรวมแล้ว มีการจัดเตรียมอาหารมากกว่า 7,000 มื้อในระยะเวลาสามวันครึ่ง
Rick Stephen ผู้อำนวยการฝ่ายครัวของ SATS Ltd. กล่าวว่า “เราออกแบบเมนูให้มีความสมดุลระหว่างอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ เช่น ข้าวมันไก่ไหหลำและลักซา และอาหารนานาชาติรสเลิศเพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมอันหลากหลายของสิงคโปร์” “แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากช่วงเวลาการเตรียมงานที่สั้น แต่เราก็สามารถรับมือกับความท้าทายนี้ได้เพราะความชำนาญด้านการทำอาหารและเทคโนโลยี รวมถึงศักยภาพของ Inflight Catering Centre (ศูนย์ครัวการบิน) ทั้งสองแห่งของเราที่สามารถทำอาหารได้ถึง 110,000 มื้อต่อวัน”
บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติสิงคโปร์ก็ได้กลายมาเป็นดาวเด่นงานครั้งนี้ด้วย Old Chang Kee ได้เสิร์ฟกะหรี่ปั๊บซึ่งเป็นเมนูเด่นประจำร้านจากฟู้ดทรัค ในขณะที่ Ya Kun Kaya Toast ก็เสิร์ฟกาแฟและชาท้องถิ่นไปพร้อมกับเมนูขึ้นชื่อ เช่น ขนมปังสังขยาและไข่ลวก แบรนด์สัญชาติสิงคโปร์อื่นๆ เช่น Udders, Sogurt และ Sugalight ก็มาให้บริการไอศกรีม
ในช่วงเวลาสี่วัน สื่อและแขกผู้มาร่วมงานได้ชิมไอศกรีมไปมากกว่า 3,500 ถ้วย กาแฟและชา 4,000 ถ้วย ขนมปังปิ้ง 3,900 แผ่น ไข่ต้ม 900 ฟอง กะหรี่ปั๊บหลายไส้รวมกัน 2,000 ชิ้น และบาร์บีคิวเสียบไม้ รวมถึงข้าวกล่องพร้อมทานอีก 1,000 กล่องจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งจัดหาให้โดย Chef In Box
แม้จะมีตารางกิจกรรมที่อัดแน่น แต่ด้วยพื้นที่ขนาดกะทัดรัดและความสะดวกในการเดินทางในสิงคโปร์ก็ทำให้ผู้เข้าร่วมงานประชุมสุดยอดผู้นำนี้สามารถใช้เวลาสำรวจสถานที่พักผ่อนหย่อนใจต่างๆ ของสิงคโปร์ได้ ซึ่งรวมถึง Gardens by the Bay (การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์), Merlion Park (เมอร์ไลออน พาร์ค) และ SkyPark (สกายพาร์ค) ที่ Marina Bay Sands® (มารีน่า เบย์ แซนด์ส)
นอกเหนือจากการประชุมสุดยอดผู้นำ สื่อบางสำนักยังมีเวลาไปเยี่ยมชม Singapore Botanic Gardens (สวนพฤกษศาสตร์ สิงคโปร์) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกและ Punggol (ปังโกล) เขตบ้านพักอาศัย และเป็นหนึ่งในโครงการล่าสุดของการเคหะของสิงคโปร์ที่มีมาตรฐานระดับโลก
Nicholas Fang ผู้อำนวยการด้านความมั่นคงและกิจการระหว่างประเทศของ Singapore Institute of International Affairs เชื่อว่าการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศสิงคโปร์ ความคิดเห็นนี้ได้รับการยืนยันจากบริษัทสำรวจสื่อ Isentia ที่ประเมินว่าร้อยละ 69 ของกระแสที่เกิดจากการประชุมสุดยอดผู้นำนั้นเป็นไปในเชิงบวก
กระแสสื่อโซเชียลที่วิเคราะห์โดย Digimind บริษัทสื่อโซเชียลและข้อมูลเชิงลึกเปิดเผยว่า สถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำ (สิงคโปร์และ Sentosa) เป็นที่พูดถึงกันมากหรือประมาณร้อยละ 36 ของความเห็นจากทั่วโลก ในขณะที่ Meltwater บริษัทวิเคราะห์และรายงานข้อมูลเชิงด้านลึกสื่อสรุปว่า สิงคโปร์อาจมีรายได้มากกว่า 760 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีก และการครองพื้นที่สื่อ
แม้ว่าการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้จะปิดฉากลงไปแล้ว แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าสิงคโปร์จะยังคงเฉิดฉายต่อไปในฐานะเมืองปลายทางชั้นนำสำหรับงานกิจกรรมทางธุรกิจ ที่มอบอำนาจแก่ผู้มาเยี่ยมชมและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ